แหล่งท่องเที่ยว
ภูชี้ฟ้า
ที่มา: http://travel.kapook.com
วนอุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า ตั้งอยู่ที่ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงราย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่อิงฝั่งขวาและป่าแม่งาว ฟ้าทอง มีพื้นที่ประมาณ 2,500 ไร่ โดยกรมป่าไม้ได้มีคำสั่งจัดตั้งเป็นวนอุทยาน เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 พื้นที่วนอุทยานเป็นยอดเขาสูงในเทือกเขาดอยผาหม่น ติดชายแดนไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ภูชี้ฟ้า ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงทางตะวันออกของจังหวัดเชียงราย อยู่ระหว่างรอยตะเข็บชายแดนไทย–ลาว ลักษณะเป็นหน้าผาสูงเป็นแนวยาวไปตามแนวชายแดน บริเวณปลายสุดของหน้าผามีลักษณะแหลมคล้ายกับนิ้วมือชี้ยื่นออกไปในอากาศ จึงเป็นที่มาของชื่อ "ภูชี้ฟ้า" จุดที่สูงสุดของภูชี้ฟ้าอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,200 ถึง 1,628 เมตร เบื้องล่างของหน้าผาเป็นแอ่งหุบเขา เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเชียงตอง แขวงไชยบุรี ประเทศลาว
ดอยตุง
ที่มา;http://travel.mthai.com/
ดอยตุง หรือพระตำหนักดอยตุง ก่อตั้งขึ้นจากพระราชดำริของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่าของเรา โดยมีพระราชกระแสรับสั่งว่า หลังพระชนมายุ 90 พรรษา จะไม่เสด็จไปประทับที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีก สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์จึงได้เลือกดอยตุง ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงาม ประกอบกับพระองค์ทรงพอพระราชหฤทัยกับดอยตุงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงมีพระราชดำริจะสร้างบ้านที่ดอยตุง
พร้อมกันนี้ยังมีพระราชกระแสรับสั่งว่า จะปลูกป่าบนดอยสูง จึงกำเนิดเป็นโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้น โครงการพัฒนาดอยตุงเริ่มดำเนินการโดยความร่วมมือจากหน่วยราชการทุกส่วน เช่น กรมป่าไม้ กรมชลประทาน หน่วยงานด้านปกครอง นอกจากทำการปลูกป่าฟื้นฟูสภาพพื้นที่แล้วยังมีการฝึกอาชีพ เพื่อ ยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวเขาบนดอยตุง ซึ่งประกอบด้วยชาวเขาเผ่าอาข่าลาหู่ ไทยใหญ่ และจีนฮ่อ ขณะเดียว กันยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของตนไว้
อาคารพระตำหนักดอยตุง มีลักษณะการก่อสร้างเป็นการผสมผสานระหว่าง สถาปัตยกรรมล้านนา บ้านปีกไม้ และบ้านแบบพื้นเมือง ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มี 2 ชั้น และชั้นลอยที่ประทับ ชั้นบนแยกเป็น 4 ส่วน แต่เชื่อมเป็นอาคารหลังเดียวกัน เสมอกับลานกว้าง นับว่ามีความสวยงามอย่างมาก
ไฮไลท์สำคัญในการมาเที่ยวดอยตุง นั่นก็คือการเก็บภาพความประทับใจกับทุ่งดอกไม้สีสันสดใส นั่นคือสวนแม่ฟ้าหลวง เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวในหุบเขา สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2535 เดิมมีพื้นที่ 12 ไร่ มีการปลูกดอกไม้หมุนเวียนสลับ ให้ออกดอกไม่ซ้ำกันตลอดสามฤดู ล้อมรอบประติมากรรมชื่อ “ความต่อเนื่อง”เป็นรูปเด็กยืนต่อตัวที่กลางสวน นอกจากนี้ ยังจัดแต่งสวนหินซึ่งประดับด้วยหินภูเขากลมเกลี้ยงขนาดใหญ่ สวนน้ำอุดมด้วยไม้น้ำพันธุ์ต่างๆ บัว และสวนปาล์มที่รวบ รวมปาล์มไว้มากมายในพื้นที่ 13 ไร่ สวนแม่ฟ้าหลวงจึงมีพื้นที่ทั้งสิ้น 25 ไร่
วัดร่องขุ่น
ที่มา:http://rachateawthai.com/
วัดร่องขุ่นถือเป็นศาสนสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงรายถือเป็นผลงานการออกแบบและก่อสร้างโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรเรืองนาม ที่อุทิศตนสร้างวัดอันยิ่งใหญ่นี้ขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ให้วัดแห่งนี้ งดงามดังสวรรค์ที่มีอยู่จริง ซึ่งมนุษย์สามารถสัมผัสได้บนพื้นพิภพคล้ายเป็นสิ่งกระตุ้นเตือนให้คนเราใฝ่ปฏิบัติธรรมและประกอบแต่กรรมดีในการดำเนินชีวิต พระอุโบสถ วัดร่องขุ่น มีความโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ทางศิลปะ และสถาปัตยกรรมที่แสนวิจิตรอลังการ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงช่อฟ้าใบระกาและรายละเอียดซึ่งแตกต่างไปจากวัดแห่งอื่น โดยตัวพระอุโบสถที่เน้นสีขาวบริสุทธิ์นั้นสื่อแทนพระบริสุทธิคุณขณะที่กระจกขาววาววับจับประกายระยิบระยับหมายถึงพระปัญญาธิคุณของพระพุทธองค์ที่โชติจรัสชัชวาลไปทั่วทั้งโลกมนุษย์และจักรวาล นอกจากนี้ยังมีจิตรกรรมฝาผนังที่แสนอลังการฝีมือของอาจารย์เฉลิมชัยเองซึ่งไม่น่าพลาดชมอยู่ภายในโบสถ์อีกด้วย
ภายในพระอุโบสถประกอบด้วยภาพเขียนสีทองตามผนังทั้ง 4 ด้าน เพดานและพื้นเป็นภาพเขียนที่แสดงถึงการหลุดพ้นจากกิเลสมาร มุ่งเข้าสู่โลกุตรธรรม ส่วนหลังคาพระอุโบสถได้นำหลักการของการปฏิบัติจิต 3 ข้อ คือ ศีล สมาธิ และปัญญา มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน วัดกำลังสร้างต่อเติมไปเรื่อยๆ ให้ครบทั้ง 9 หลังตามเป้าหมาย ให้เป็นอาคารที่มีรูปทรงแตกต่างกัน เพื่อนเป็นเมืองสวรรค์อันยิ่งใหญ่ ให้คนทั้งโลกยอมรับและชื่นชมในผลงานการสร้างพุทธศิลป์แห่งนี้ถึงแม้ว่าการก่อสร้างวัดนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ความงามที่ปรากฏได้สร้างความสุขทางใจให้ดื่มด่ำไปกับเรื่องราวในพุทธศาสนาในรายละเอียดตกแต่งที่พิถีพิถันทั่วทุกมุม ซึ่งไม่เพียงแต่ความวิจิตรที่สัมผัสได้เพียงภายนอกเท่านั้น แต่ยังสื่อถึงหลักธรรมในศาสนาที่ลึกซึ้งให้ผู้ที่มาเยือนได้กลับไปขบคิดกันอีกด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.30 – 18.00 น.
ที่ตั้งและการเดินทาง
วัดร่องขุ่นตั้งอยู่ที่ตำบลป่าอ้อดอนชัยอำเภอเมืองเชียงรายจังหวัดเชียงรายจากเชียงรายไปตามทางหลวงหมายเลข 1 ( เชียงราย - แม่ลาว ) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 816 เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 100 เมตร
แม่สาย
ที่มา:http://www.rose220.fagkhay.com/
แม่สายอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 61 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 110 เป็นอำเภอเหนือสุดของ ประเทศไทย ติดกับจังหวัดท่าขี้เหล็กของพม่า โดยมีแม่น้ำแม่สายเป็นพรมแดน มีสะพานเชื่อมเมืองทั้งสองเข้า ด้วยกัน ทั้งชาวไทยและชาวพม่าเดินทางไปมาหาสู่ค้าขายกันได้โดยเสรี นักท่องเที่ยวชาวไทยนิยม เดินทางไป ยังตลาดชาย แดนแม่สายและท่าขี้เหล็กของพม่า เพื่อซื้อสินค้าพื้นเมืองและสินค้าราคาถูก เช่น สบู่พม่าสมุนไพร เครื่องทองเหลือง ตะกร้า การข้ามไปท่าขี้เหล็กนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้าเขตประเทศพม่าได้ทุกวัน ระหว่าง เวลา 16.30-18.00 น. โดยใช้บัตรประชาชน หรือบัตรอื่น ๆ ที่ทางราชการออกใ้ ค่าบริการคนละ 30 บาท ค่าผ่าน แดนเข้าพม่า 10 บาท สินค้าที่ไม่อนุญาตให้ซื้อเข้าไทย ได้แก่ สินค้าจากซากสัตว์ป่า สุรา บุหรี่ต่างประเทศและ ซีดีอนาจาร หากซื้อมาเพื่อ การค้าต้องเสียภาษีนำเข้าให้ถูกต้องด้วยด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สาย
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ
1.วัดพระธาตุดอยเวา
เป็นวัดอันเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุดอยเวา พระธาตุที่เชื่อกันว่า มีความเก่าแก่เป็นรองพระธาตุดอยตุง พระธาตุ ดอยเวานั้น ตั้งอยู่บนยอดดอยเวา แต่พระอุโบสถและเขตสังฆาวาสจะอยู่ที่เชิงดอย ผู้ที่จะขึ้นไปนมัสการ ต้องเดิน ขึ้นบันไดไปนมัสการ ซึ่งข้างบนเป็นจุดชมทัศนียภาพสองฝั่งสามารถเห็นทัศนียภาพได้รอบทิศ ปัจจุบันมีประเพณ นมัสการ พระธาตุในทุกๆปี โดยจะจัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 เหนือ (ตรงกับเดือน 3 ใต้ คือ วันมาฆบูชา) และมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุ ในวันสงกรานต์ของทุกปี ปัจจุบันมีประเพณีนมัสการพระธาตุในทุกๆปี โดยจะจัดขึ้น ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 เหนือ (ตรงกับเดือน 3 ใต้ คือ วันมาฆบูชา) และมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุ ในสงกรานต์ ของทุกปี บริเวณโดยรอบองค์พระธาตุบนยอดนั้น ยังเป็นที่ตั้งของไพชยนต์ปราสาท ซึ่งเป็นวิหารขนาดเล็ก ประดิษฐานพระแก้วมรกตจำลอง(หรือโดยนัยว่าเป็นพระอินทร์) และมีรูปปั้นแมงป่องยักษ์ เพื่อรำลึกถึงพระองค์ เวา (เวาภาษาล้านนาแปลว่าแมงป่อง) และมีพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชให้สักการะบูชา นอก จากนี้ยังมีจุดชมทัศนียภาพสองฝั่งสายด้วยปัจจุบันได้มีถนนขึ้นและลงดอยแล้ว เป็นถนนคอนกรีตอย่างดี ใช้ได้ทุกฤดูกาล แต่ทางค่อนข้างชัน
2.ถ้ำผาจม
หมู่ที่ 1 ตำบลแม่สาย อยู่ห่างจากอำเภอแม่สายไปทางทิศเหนือประมาณ 1.5 กิโลเมตร ถ้ำผาจมตั้งอยู่บนดอย อีกลูกหนึ่ง ทางทิศตะวันตกของดอยเวา ติดกับแม่น้ำสาย เคยเป็นสถานที่ซึ่งพระภิกษุสงฆ์นั่งบำเพ็ญเพียรภาวนา เช่นพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ปัจจุบันมีรูปปั้นของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ประดิษฐานไว้บนดอยด้วยภายใน ถ้ำผาจม มีหินงอกหินย้อยอยู่ตามผนังและเพดานถ้ำ สวยงามวิจิตรตระการตา
3.ถ้ำปุ่ถ้ำปลาถ้ำเสาหินพญานาค
ตั้งอยู่ที่ดอยจ้อง หมู่ที่ 11 ตำบลโป่งผา ห่างจากอำเภอแม่สายไปทางทิศใต้ตามทางหลวงหมายเลข110 ประมาณ 12 กิโลเมตร มีทางแยกเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ดอยจ้องเป็นภูเขาหินปูน จึงประกอบด้วย ถ้ำหินงอก หินย้อย และทางน้ำไหลมากมายถ้ำปุ่ม อยู่สูงขึ้นไปบนยอดเขา ต้องปืนขึ้นไป ภายในถ้ำมืดมาก ต้องมีผู้นำทาง ถ้ำปลา เป็นถ้ำหนึ่งที่มีน้ำไหลภายในถ้ำ เคยมีปลาชนิดต่าง ๆ ทั้งใหญ่น้อยว่ายออกมาให้เห็นเป็นประจำ ภายใน ถ้ำยังมีพระพุทธ รูปศิลปะพม่า สร้างขึ้นโดยพระภิกษุชาวพม่า ประชาชนทั่วไปเรียกว่า “พระทรงเครื่อง” เป็นที่เลื่อม ใสของประชาชนใน แถบนี้ถ้ำเสาหินพญานาค อยู่ในบริเวณเดียวกัน เดิมต้องพายเรือข้ามน้ำเข้าไปชม ภายหลังได้ สร้างทางเดินเชื่อมกับ ถ้ำปลา ระยะทาง 150เมตร ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อย และยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมด้วย
2. นมัสการพระเชียงแสนสี่แผ่นดิน
พระเชียงแสนสี่แผ่นดิน หรือ พระพุทธนวล้านตื้อ ประดิษฐานกลางแจ้ง ณ สามเหลี่ยมทองคำ พระพุทธนวล้านตื้น องค์นี้เป็นพระเชียงแสนสี่แผ่นดินเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งได้สร้างขึ้นแทนองค์เดิมที่จมลงแม่น้ำโขง และสร้างขึ้น ด้วยทองสัมฤทธิ์ ปิดทองด้วยบุศราคัม น้ำหนักถึง 69 ตัน หน้าตักกว้าง 9.99 ม.สูง
หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ
ที่มา:http://pantip.com/topic/32898951
หอนาฬิกาหลังใหม่ของจังหวัดเชียงราย โดยความร่วมมือระหว่างเทศบาลนครเชียงรายและอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ตัวหอนาฬิกามีสีทอง มีเสียงระฆังบอกเวลาทุกชั่วโมง และที่สำคัญเมื่อถึงเวลา 2 ทุ่มและ 3 ทุ่มของทุกวัน จะมีการเล่น แสง สี เสียงประกอบเพลงเชียงรายรำลึก หอนาฬิกาจะเปลี่ยนสีจากสีทอง เป็นสีแดง ชมพู ฟ้า เขียว และอื่นๆ สลับกันไปมา ตรงกลางอาคารจะมีดอกบัวค่อยๆโผล่ออกมา และบานออกในที่สุด เป็นที่ตื่นตาตื่นใจต่อนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่มาเฝ้ารอเวลานั้นๆ
ดอยแม่สลอง
ที่มา:http://travel.thaiza.com/
ดอยแม่สลอง ตั้งอยู่ ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง เป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวจีนฮ่อ แห่งกองพล 93 ที่ตั้งหลักแหล่งบนดอย แห่งนี้มานาน ปัจจุบันชุมชนชาวจีนบนดอยแม่สลอง มีชื่อว่า หมู่บ้านสันติคีรี ตั้งอยู่ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล เฉลี่ย 1,200 ม. มีทัศนียภาพที่สวยงามและอากาศเย็นสบายตลอดปี รายได้หลักมาจากการปลูกชาอู่หลง บ้านสันติคีรี เป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีประชากร ประมาณ 800 หลังคาเรือน มีทั้งวัด โบสถ์คริสต์ มัสยิด ระบบไฟฟ้า โทรศัพท์ และธนาคารทหารไทย ที่ให้บริการ อย่างสมบูรณ์แบบ